วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีแก้สายฟู่ ขั้นเทพค่ะ ง่ายมากๆ





พอดีไปเจอคลิปเด็ด วิธีแก้สายเอ็นฟู่ง่ายๆ ไม่ต้องตัดสายทิ้งเลยค่ะ 

หากสายฟู่ ให้เอานิ้วกดสปูนไว้ และค่อยๆดึงเอ็นออกมา หากติดให้ค่อยๆแก้ปมที่ติด และค่อยๆดึงเอ็นออกไปเรื่อยๆ จนหายค่ะ .... วิธีนี้ใช้ได้ผลดีเยี่ยม ทั้งกับรอกเบทหยดน้ำ และ รอกเบทตัวใหญ่ค่ะ ใช้ได้ผลเกือบทุกครั้ง ไม่ต้องตัดสายทิ้งจริงๆ



ส่วนคลิปนี้เป็นกรณีของ สายPE ที่ฟู่ 

อันนี้นักตีเหยื่อปลอมหลายๆท่านคงเคยเจอกรณีสายผ้าที่พันทัลกัน บางครั้งใช้การดึงสปูนอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสายผ้าจะไม่ดันตัวขึ้นมาเหมือนสายเอ็น สายผ้ายิ่งดึงปมจะยิ่งแน่น กรณีนี้ ต้องใช้การกดฟรีสปูน แล้วดึงสายถอยหลังย้อนออกมา แล้วค่อยๆแกะทีละปม ในบางครั้งสายมันแค่ทับกันเล็กน้อยเอง เมื่อเราดึงสายถอยออกมา หรือ ใช้ตัวเกลี่ยวเหมือนในคลิป ค่อยๆเกี่ยวสายออกมาทีละปม ก็ได้เช่นกัน ... ยังไงก็ลองทำกันดูนะค่ะ หากมีวิธีการอื่นๆก็แนะนำกันได้นะค่ะ


วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

ไปเจอ ชะโดขัง คลายเคลียส กันหน่อยค่ะ





สวัสดีค่ะ เรื่องเล่าจากร้านหทัยฟิชชิ่ง สาขาซีค่อน นะค่ะ
   หลังจากห่างหายจากการตกปลาไปซักพัก ได้มีเวลาว่าง ก็ขอแวปไปซักหน่อย พอให้หายคันไม่คันมือ ... มีเวลา 2 ชั่วโมงในการตกเจ้าปลาชะโดยักษ์ ก็อย่ามัวรีรอ รีบหน่อย อากาศก็แปรเปลี่ยน เดี่ยวแดดออก เดี่ยวเดียว มืดอีกแล้ว ถือชุดอุปกรณ์คู่ใจพร้อม เหยื่อปลอมตัวเก่งพร้อม แบ่งเอาไปแค่กล่องเล็กพอ เอาแต่ตัวเด็ดๆ เปลี่ยนเบ็ดให้พร้อมรบ เพราะได้ข่าวว่าบ่อลับนี้ปลาเขี้ยว ไซร์ใหญ่ๆ ทั้งนั้น เบ็ดธรรมดาเอาไม่อยู่ ต้องมี 2X ขึ้นไป ว่าแล้วก็พร้อมลุย
    ไปถึงหมาย ก็เกือบเย็นแล้ว เวลากำลังเหมาะ จัดกันหน่อย เตรียมเล็งเป้าหมายก่อน จะตีเลาะช่วงไหนดี ว่าไป งั้นตีเลาะขอบบ่อกันก่อนเลยแล้วกัน เผื่อเจอปลาซุ่ม .... ตุ๊ปๆๆๆ ไปซัก 3 ไม้ ก็เจอตัว ซัดตูมกระโดดน้ำกระจาย .... เปิดสกอร์ เรียบร้อยค่ะงานนี้ไม่มีแห้ว ด้วยปลากระพง ไซร์ 2 โลกว่า กับเหยื่อดูเอ้ว สีสลิม ตัวเก่ง เมื่อได้เปิดสกอร์ก็เริ่มมีไฟ จัดไปค่ะ งานนี้ดำไม่กลัว กลัวไม่ได้ปลา ... เดินเลาะขอบบ่อไปเรื่อยๆ ตีไป ตีไป เจอตัวตรงมุมบ่ออีกฝั่ง ไซร์ ประมาณ โลกว่า  และ ได้ที่กลางบ่อ อีก 2 ตัว ด้วยเหยื่อปลอม งานแฮนเมค ลายปลานิล เดินเลาะรอบบ่อ ได้มา 4 ตัว เดินกลับไปหาคุณอาที่มาด้วยกัน ก็ได้ปลากระพง มา 3 ตัว แต่อีกตัวขาดไปตรงกลางบ่อ เพราะเกี่ยวกิ๊ฟไม่แน่นดี เสียเหยื่อไปหนึ่งหน่วย
สรุปที่หมายบ่อกระพง ด้วยเวลา ประมาณ 40 นาที วิดกันไปคนละ 4 ตัว รวมเป็น 8 ตัว ด้วยไซร์ที่เฉลี่ยประมาณ 1.5 กิโล - 2 กิโลกว่า .... ถือว่า ผลงานใช้ได้เลยที่เดียวค่ะงานนี้
กระพงตัวแรก เปิดสกอร์ด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโล กำลังงาม

ตามมาด้วย กระพงตัวของคุณอา ที่กักเหยื่อกบยาง กลางบ่อ และกระโดดทดำสายขาด วางน้ำใหญ่มาก หันไปหยิบกล้องกะจะถ่ายปลาไซณ์ใหญ่ เห็นแค่ตอนกระโดดโชว์ตัวทีเดียวอึ้งกันทั้งบ่อ ... แค่ตูมเดียว เอาเหยื่อไปเลยค่ะตัวนี้ ถ้าได้ตัวขึ้นมา คาดว่า คงเกือบ 3 โล ชัวร์ค่ะ

เดินกลับมาเตรียมเสบียง เลือกเหยื่อตัวเก่ง ว่าจะไปต่อกันที่ท้ายสวน เหลือเวลาอีก ชั่วโมงกว่าๆ ว่าจะไปงัดชะโดเล่นกันอีกซักหน่อย ค่ะ .... เหยื่อตัวเก่งที่เตรียมมา ทุกตัวถูกเปลี่ยนเป็นเบ็ด โอเนอร์ ความแข็งแรง 2X และ 3X เรียบร้อยค่ะ กันพลาด เอาแบบเฉียวๆก็ติด เจออีกนิดต้องโดนค่ะ

 
 เดินไปยังไม่ถึงกลางบ่อเลย ได้ยินเสียงปลาไล่กัดเหยื่อ ตูม ตูม ตูม เสียงดังมากค่ะ รีบวิ่งไปดู ที่มุมบ่อ มีฝูงปลาชะโด ไล่กัดลูกปลาเล็ก ปลานิลเล็กอัดมุมบ่อ ฝูงใหญ่ เสียงดังสนั่น เจอแบบนี้ ต่างคนต่างวิ่ง เข้าไปตีเหยื่อสวนเข้าไปที่มุมขอบบ่อกันทันที ... สำเร็จค่ะ เพียงแค่เหยื่อตกถึงผิวน้ำ ก็มีแรงกระชากปลายคันเบ็ด โค้งลงอย่างรุนแรง ... แต่ก็มีเสียงเฮอีกมุมหนึ่งข้างหลัง ก็มีนักตกปลาชาวญี่ปุ่นตีใส่ฝูงนี้เช่นกัน ได้ตัวพร้อมๆกันเลยค่ะ ต่างคนต่างมองหน้ากัน สบตากันเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าพร้อมลุยเหมือนกัน... ต่างคนต่างอัด ค่อยๆงัดๆค่อยๆโยกกันเข้ามา ซ้ายที ขวาที ดึงให้ออกจากมุมบ่อ มาให้ถึงกลางบ่อ อัดกันต่อเนื่องจนปลาชะโดหมดฤทธิ์ มุมน้ำมาลอยคอตรงชายหญ้า ด้วยความที่คันที่ใช้ เวทแค่ 10-16 LB กับการอัดปลาชะโดไซร์นี้ ทำให้มีแรงดึง แรงสู้สูงมาก อัดจนปลานยอมเงียยหัวขึ้นมา พยายามจะดึงให้ปลาขึ้นมาบนฝุ่ง แต่แค่เพียงพริบตาเดียว แค่มันสบัดหัวอีกที สายช็อตหลีดก็ขาดทันที ดีที่ ปลายังอยู่แถวๆกอหน้า เลยรีบเดินลุยโคลนลงไปคว้าตัวเอาไว้ก่อน เพื่อนำขึ้นมาปลดเบ็ด ... หันไปดูนักตกปลาชาวญี่ปุ่น เค้าก็เพิ่งปล่อยปลาชะโดตัวเลื่อมกลับสู่น้ำเช่นกัน ... โชคดีที่ไม่เสียเหยื่อไป 
ปลาชะโดตัวนี้ น้ำหนัก 4.4 กิโล กัดเหยื่อ POPPER สีลูกปลากระบอก อย่างดุดัน ค่ะ 
พอปล่อยปลาเสร็จ นักตกปลาชาวญี่ปุ่นอีก 2 คน ที่ร่วมตกปลาชะโดด้วยกัน ก็เริ่มแยกย้าย เดินมองหาหมาย รอบๆบ่อ มองหาจุดปลาจิปกัน ต่างพากันตีเหยื่อกันสุดแรง 


ซักพัก ได้ยินเสียงเฮใหญ่ หันไปอีกที คุณอาที่มาดัวยกำลังอัด ปลาอยู่ที่กลางบ่อ ปลาดึงสายรุนแรงอีกเช่นเคย ค่อยๆอัดค่อยๆประคองกันอีกครั้ง เพราะกลัวสายขาดอีก  
พอค่อยๆ ดึงเข้ามาใกล้ฝั่ง มีการเถียงกันอีกเล็กน้อย ตูมใหญ่... และ มันก็พยายามมุมน้ำ นำสายเข้าไปพันกับกอหญ้าข้างบ่ออีก พักนึง จนต้องยอมสงบ เงียบโดนดึงขึ้นมาโชว์หุ่นบนบกซักที







Lure fishing in Thailand . fishing For Giant snakehead fish

ลากลับกันด้วยภาพฝนเตรียมตั้งเค้ามาแต่ไกล พวกเราเลยต้องรีบเก็บของ ขึ้นรถกลับกันอย่างเสียดาย...กำลังมันส์ค่ะ 
( หากนำรูปหรือ บทความไปเผยแพร่ต่อ กรุณา โพสต์ให้เครดิตเวป หทัยด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ)
www.HaThaifishing.com 

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มาตกปลาช่อน และ กระพง แบบTexas Rigกันมั๊ยครับ!!!


HOW TO Texas Rig 
ข้อมูลเบื้องต้น สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่นเหยื่อปลอมแบบ เท็กซัสริก 
ประเภทของเหยื่อปลอม ที่ใช้ตกปลา แบบ Teaxs Rig ( เท็กซัส ) โดยส่วนมาก็จะใช้เหยื่อจำพวก เหยื่อยาง ประเภทต่างๆที่เราอาจรู้จักกันดี เช่น
-            หนอนยาง ( จำพวก หนอนหางตะขอ หรือ หางตรงตัวสั้น  หรือ หนอนหางเกลียว และ พวกหนอนขน) พวกนี้ใช้งานได้ดีมากๆ สำหรับ ปลาช่อน บ้านเรา นะครับ
-            ไส้เดือนยาง หรือหนอนยางตัวยาว (ไม่ว่าจะเป็นหาง แบนตรง หรือ หางเกลียว ) จำพวกนี้ก็ใช้ได้ผมดี ทั้งปลากะพง และ ปลาช่อน
-            กบยาง  อันนี้คงไม่ต้องอธิบายกันมากนะครับ ใช้ได้ดีมากๆสำหรับหมายธรรมชาติต่างๆ และ ในบ้านเราก็มีให้เลือกมากมาย หลากหลายสีสัน และ หลายขนาด ถังแบบเท้าโต ( หรือที่เรียกว่า ไอ้ตีนโต พวกนี้แจ่มมากสำหรับ ชะโดใหญ่บ้านเรา ) หากเราเลือกไซร์เล็กลงมานิดนึง ก็ยังเห็นผลได้ดี กับปลาช่อนบ้าเราอีกตะหาก  จำพวก กบPT ก็ใช้งานได้ดีนะครับ( ส่วนเรื่องสี และ ลายนั้น ขึ้นอยู่กับ ความชอบส่วนบุคคล และ ขึ้นอยู่กับแต่ละหมายนะครับ )
-            จิ้งจกยาง อันนี้ก็ใช้งานได้ดี สำหรับปลาช่อน โดยส่วนตัวแล้วในช่วงเริ่มหัดตีเหยือ่ปลอม ผมรู้จักการตกปลาช่อน หลังบ้านโดยการใช้จิ้งจกยาง ที่เป็นชุดสำเร็จจากทางร้านอุปกรณ์ตกปลา (จะเป็นตัวเหยื่อยาง จิ้งจก ตัวนิ่มๆหางยาวๆ เกี่ยวมากับ ตาเบ็ดตัวยาว พร้อมการ์ดกันสวะครับ) ใช้งานง่ายมากๆครับ เนื่องจาก ตาเบ็ดที่เค้าใส่มาให้ มีการ์ดในตัวอยู่แล้ว ผมก็ตีไปเรื่อยๆเลยครับ ไม่ว่าจะมีพงหญ้า กอบัว ตีได้กระจุย ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับ แต่ข้อเสียคือ บางที่ที่เจอตัว ปลาฮุบแล้ว และ พอเราSet Hook เร็วไปนิดนึง ปลาช่อนก็คาบเอาหางจิ้งจกยาง ของเราไปครับ ทำให้ต้องเปลี่ยนเหยื่อบ่อยหน่อย แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าOK เลยครับ สำหรับเหยื่อจิ้งจกตัวนี้
-            ปลายาง แบบต่างๆครับ อันนี้ก็ใช้งานได้ดีนะครับ แต่ส่วนมากจะเห็นใช้กันในลักษณะ เกี่ยวกับ ตาเบ็ดหัวจิ๊ก (หือ ตาเบ็ดหัวตะกั่วครับ มีทั้งแบบหัวกลมและ หัวสามเหลี่ยมครับ ) วิธีใช้ก็ ตีและ ปล่อยให้เหยื่อจมถึงหน้าดินและ ลากมาเรื่อยๆครับ รูปทรงหัวจิ๊กก็มีผลต่อลักษณะการว่ายของเหยื่อด้วยนะครับ แต่ยังไงก็ใช้งานง่ายและเห้ฯผลได้ดีมากๆสำหรับ ปลากะพงเขี้ยวๆ ตามบ่อนะครับ
-              กุ้งยาง หรือ ตัวประหลาด  เหยื่อยางลักษณะนี้ จะเป็นตัวกุ้ง หรือ ตัวเป็นกุ้ง หางจะมีเนื้อยางเป็นริ้วๆ ดูไม่ค่อยออกครับ แต่ ถ้านำมาตกแบบ Teaxs Rig ก็ใช้งานได้ดีนะครับ ทั้งหมายธรรมชาติ และ ตามบ่อตกปลาครับ
เหยื่อยาง หลากหลายประเทภนี้ สามารถใช้เกี่ยวแบบเท็กซัส ได้ทั้งหมด



อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการประกอบ ชุดTexas Rig
1.   ตะกั่ว หลุม ( ดูลายละเอียดตามภาพครับ )
                   >   ถ้าเลือกใช้ ตาเบ็ดหัวจิ๊ก ไม่ตอ้งใส่ตะกั่วนะครับ เราสามารถผูกสายกับตาเบ็ดหัวจิ๊กได้เลย เพราะตาเบ็ดหัวจิ๊กมีน้ำหนักในตัวเองอยู่แล้วครับ
2.   ตัวเบ็ดสำหรับเกี่ยวแบบ Texas Rig  ( ดูลายละเอียดแบบของตาเบ็ดตามภาพนะครับ ) ควรเลือกขนาดของตาเบ็ดให้เหมาะสมกับ ขนาดของตัวเหยื่อด้วยนะครับ
3.   เหยื่อยาง รูปแบบต่างๆ ตามต้องการครับ  (ภาพตัวอย่างเหยื่อ รูปความเห็นที่ 2ครับ)
4.   ลูกปัด อันนี้ใช้สำหรับกัน ระหว่าง ตาเบ็ด กับ ตะกั่วครับ
5.   ลายสต๊อปเปอร์ ( หรือตัวหยุดทุ่นครับ ) อันนี้ถ้าตกแบบTexas Rig ปกติทั่วไปจะไม่ต้องใช้ครับ แต่โดยส่วนตัว ผมมีทริคอีกแบบ ( จะอธิบายต่อไปครับ )
เมื่อเรามีอุปกรณ์ครบแล้ว เราก็มาเริ่มประกอบสายหน้ากันเลยครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะชอบใช้สายเป็น หรือสายPE ในรอก ล้อย ตะกั่ว และลูกปัด เสร็จแล้ว ก็ผูกกับตาเบ็ด Texas Rig  ( เงื่อนการผูกตาเบ็ด ดูได้จากภาพนะครับ ) แล้ว ค่อยเอาเหยื่อยางที่เราเลือกไว้มาเกี่ยว (วิธีเกี่ยวเหยื่อก็จะบอกต่อไปครับ )

วิธีเกี่ยวเหยื่อยาง แบบTexas ครับ (ดูภาพประกอบ ลายละเอียดนะครับ)
1.   นำคมเบ็ดฝั่งไปที่ส่วนหัวของเหยื่อยาง
2.    เกี่ยวให้คมเบ็ดทะลุออกมาตรง ด้านล่างของหัวเหยื่อนะครับ  เสร็จแล้วพลิกคมเบ็ดมาตรงด้านท้องของเหยื่อนะครับ  จับคมเบ็ดให้แนบกับตัวท้องเหยื่อดังภาพครับ
3.   กะขนาดคมเบ็ด และ ดึงตัวเหยื่อให้ยืดเล็กน้อย และค่อยๆฝั่งคมเบ็ดขึ้นมาจากท้องเหยื่อ
4.   เกี่ยวคมเบ็ดให้ทะลุขึ้นมาจากท้องเหยื่อ และให้คมเบ็ดตั้งฉากกับท้องเหยื่อในลักษณะตามภาพนะครับ ให้คมเบ็ดติดกับหลังเหยื่อตามภาพจะเป็นการ์ดกันสวะให้เหยื่อ และ เมื่อเวลาSetHook องศาของคมเบ็ดจะทะลุปากของปลานักล่าทันทีครับ
ภาพประกอบ ชุด Texas ก่อนเกี่ยวเหยื่อยางครับ จะเกี่ยวเหยื่อกับตาเบ็ดก่อน แล้วค่อยผูก หรือ 

จะผูกชุดให้เสร็จแล้วค่อยเกี่ยวเหยื่อทีหลังก็ได้ครับ 

 How to Texas Rig a Soft Plastic Fishing Lure


การเลือกหมายและการสร้างแอ็คชั่น ให้กับเหยื่อTexas ของเราครับ
    เอาเมื่อเราประกอบชุดสำหรับเสร็จแล้ว เราก็มาเริ่มมองหาหมายเด็ดๆ สำหรับทดสอบชุดของเรากันดีกว่าครับ  การเลือกหมายสำหรับการตกปลาแบบ Texasนั้นมีข้อได้เปรียบการตีเหยื่อปลอมด้วยเหยื่อแบบอื่นๆเป็นอย่างมากครับ (อันนี้แหละคือส่วนสำคัญที่ทำให้ผม ชื่นชอบวิธีการตกปลาแบบ Texas มากๆเลยครับ ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ประการ ได้แก่
1.      เนืองจากเหยื่อยางของเราได้ทำการฝั่งคมเบ็ด หรือ เก็บคมเบ็ดไว้ที่หลังเหยื่อเรียบร้อย ก็เสมือนว่า เหยื่อยางของเรามีการ์ดกันสวะในตัว ไม่ต้องกลัว หญ้า หรือ สาหร่าย แต่อย่างได้ จัดไปได้ทุกที ยิ่งที่ตอไม้ หญ้ารกๆ ( ซึ่งผมจะไม่กล้า ส่งเหยื่อตัวอื่นๆลงไปเลย เพราะกลัวจะเกี่ยวเหยื่อผมขาด )ผมก็จะเลือก ผูกชุด Texas นี่หละครับ ชุดนึงราคาไม่แพง ใช้งานได้คุ้มค่า ตีโดนหญ้าก็ไม่ต้องกลัวลากมาได้เรื่อยๆ และ เรื่องสีของเหยื่อก็มีให้เลือกหลากหลาย สีสันสมจริง หรือ สีแสบทรวงกระชากใจก็ มีให้เห็นเยอะแยะครับ ต้องลองใช้งานกันดู

2.      สิ่งที่ผมชื่นชอบอีกอย่างสำหรับ การตกแบบ Texas ก็คือ เราสามารถกำหนด น้ำหนักของเหยื่อปลายสายของเราได้ครับ ไม่เหมือนการซื้อเหยื่อราคาแพงๆ แต่ถ้าคันของคุณเป็นแบบ คันแข็ง หรือ เฮฟวี่แล้วละก็ คุณก็จะอดซื้อ หรือ ชื่นชมเหยื่อสวยๆ แต่น้ำหนักเบาๆไปเลย เพราะ ซื้อมาก็ไม่รู้จะตียังไง ตีได้ก็ไม่ไกล แต่สำหรับการตกแบบ Texas หากเราเจอหมายกว้างๆ อยากส่งเหยื่อไปไกลๆ ( กะว่า ตีครั้งเดียวเอาคุ้มครับ !!!) เราก็ จัดแจงใส่ตะกั่วนำหนักเยอะนึดนึง และ ทำการ ปรับหน่วงให้ลื่นสุดๆ จัดการฟาดไปให้สุดแรง เท่านี่เราก็สามารถสำรวจพื้นหมายได้อย่างทั่วถึงกันไปเลยครับ

การสร้างแอ็คชั่นให้กับเหยื่อ Texas นั้น  มี  วิธีครับ
               เมื่อเหยื่อค่อยๆจมจนถึงหน้าดินแล้ว เราสามารถออกแอ็คชั่นให้กับเหยื่อได้ โดยการกระตุกปลายคันเล็กน้อย 
       เมื่อเราส่งเหยื่อออกไป แล้ว รอเหยื่อให้ค่อยๆจม จนถึงหน้าดิน ตัวเหยื่อยางจะค่อยๆจมอย่างพริ้มไหว ( เหยื่อยางแต่ละแบบมีแอ็คชั่น หรือ ความพลิ้วไหวแตกต่างกันนะครับ )
1.   ลากกลับมาช้าๆ โดยจินตนาการ และ รับรู้ถึง แรงสั่นสะเทือนที่ สายเอ็นส่งกลับมา ว่าตรงจุดที่เหยื่อของเรากำลังถูกลากผ่านนั้น เป็นแนวสาหร่าย หรือ ก้อนหิน หรือ ลากมาเจอลากไม้ หากเจอแนวก้อนหิน หรือกองหิน ( ลักษณะของสายเอ็นจะตึง เมื่อเราลากขึ้นก้อนหินก้อนแรก และจะเริ่มหย่อนเมื่อลากขึ้นมาสุดบนก้อนหิน และพอเจอหลุม หรือ ช่องว่างของแนวหิน ลักษณะสายเอ็นจะตึงโดยทันที เมื่อเรารับรู้ถึงจังหวะนี้แล้ว อย่าเพิ่งกรอสายนะครับ แต่ให้เรา กดฟรีสปูน หรือ ส่งสายออกไปอีกจนกว่าสายจะหย่อนอีกครั้ง นั้นหมายความว่า เหยื่อของเราได้ลงไปถึงก้นหลุมแล้ว เมื่อมาถึงหมายลักษณะนี้ ให้เราเจิร์คเหยื่อ หรือ กระตุกปลายคัน เหยื่อจะขึ้นและลง กระตุ้นความสนใจของปลานักล่าที่ซุ้ม ซ่อนตัวอยู่ในแนวกองหิน วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมากๆ สำหรับหมายตามแนวหิน ชายทะเล ส่วนมากผมใช้หนอนขน สีสดๆ ใส่ตะกั่วไซร์ใหญ่นิดนึง หาแนวกองหิน ชายทะเล ปลาทีได้ ก็จำพวก เก๋าชายฝั่ง ครับ      
2.ใช้วิธี ลากสลับกับการหยุด เมื่อเราหยุดกรอเอ็น ให้กระตุกปลายคัน ขึ้น-ลง หลายๆครั้ง เหยื่อของเราจะเต้นอยู่ใต้น้ำครับ อันนี้ก็เรียกร้องความสนใจของปลานักล่าได้เป็นอย่างดีเช่นกันครับ

       เพิ่มเติมครับ ภาพตัวอย่างการเกี่ยวเหยื่อยางแบบ หัวจิ๊กครับวิธีการผูกก็คล้ายๆกับแบบ Texas ครับ เพียงแต่ ไม่ต้องใส่ตะกั่ว เพราะ หัวจิ๊กที่เราเลือกใช้ ก็เป็นตัวถ่วงน้ำหนักอยู่แล้วครับ สามารถผูกกับสายหน้าได้ทันที การใช้หัวจิ๊กก็ดีนะครับ ใช้งานง่ายและก็ได้ผลดี โดยเฉพาะ ตามบ่อกระพง กัดดีมากๆครับ สำหรับผู้เริ่มตีเหยื่อปลอม ผมว่าเริ่มจากปลายางหัวจิ๊กก็ดีนะครับ เป็นเหยื่อที่ราคาถูก ใช้งานง่าย และ โดยส่วนมาก ตามร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเค้าก็จะมีเกี่ยวเป็นชุดๆ แยากขายไว้อยู่แล้วครับ ราคาก็ตัวละประมาณ 20- 30 บาทครับ แล้วแต่ยี่ห้อของเหยื่อยางที่เค้าใช้เกี่ยว เราสามารถสนุกกับการเลือกสีและ เหยื่อยางแบบต่างๆได้ 

_______________________________________________





วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รวมสายพันธุ์ปลานักล่าในประเทศไทย3 (Introduction game fish popular in Thailand)


รวมสายพันธุ์ปลานักล่าในประเทศไทย3 (Introduction game fish popular in Thailand)


รวมสายพันธุ์ปลานักล่า ประเภท กินสัตว์น้ำขนาดเล็ก หรือ กินพืช 

ปลานิล  ( Nile )


ถิ่นกำเนิด

ปลานิลสามารถอาศัยอยู่ได้ในน้ำจืดและน้ำกร่อย มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ที่ทวีปแอฟริกา พบทั่วไปตามหนอง บึง และทะเลสาบในประเทศซูดานยูกันดา และทะเลสาบแทนกันยีกา ปลานิลเข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกโดยสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทรงจัดส่งเข้ามาทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 จำนวน 50 ตัว ครั้งนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงปลานิลในบ่อภายในสวนจิตรลดา เป็นหนึ่งโครงการในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
ผลการทดลองปรากฏว่าปลานิลที่ทรงโปรดเกล้าให้ทดลองเลี้ยงได้เจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์ได้เป็นอย่างดี ต่อมาจึงได้พระราชทานชื่อว่า ปลานิล (โดยมีที่มาจากชื่อแม่น้ำไนล์ (Nile) ที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิม หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Tilapia nilotica) และพระราชทานพันธุ์ปลาดังกล่าวให้กับกรมประมงจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 เพื่อนำไปขยายพันธุ์และแจกจ่ายแก่พสกนิกร และปล่อยลงไว้ตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ตามที่เห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากปลานิลมีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น กินอาหารได้ทุกชนิด เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์น้ำเล็ก ๆ มีขนาดลำตัวใหญ่ ความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร แพร่ขยายพันธุ์ง่าย และมีรสชาติดี
ในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังโปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงและแพร่ขยายพันธุ์ปลานิลในบ่อสวนจิตรลดาต่อไป ในทางวิชาการเรียกสายพันธุ์ปลานิลดังกล่าวว่า ปลานิลจิตรลดา ซึ่งยังคงเป็นปลานิลสายพันธุ์แท้ที่ประเทศไทยได้รับทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ

ลักษณะทั่วไป

ปลานิลมีเป็นรูปร่างคล้ายปลาหมอเทศ (O. mossambicus) แตกกันที่ปลานิลมีลายสีดำและจุดสีขาวสลับกันไป บริเวณครีบหลัง ครีบก้นและลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาล มีลายดำพาดขวางตามลำตัว มีความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร

อาหาร

ปลานิลกินอาหารได้หลากหลาย เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลง กุ้งฝอย ผักบุ้ง
ปลานิลมีนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง (ยกเว้นเวลาสืบพันธุ์) มีความอดทนและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จากการศึกษาพบว่าปลานิลทนต่อความเค็มได้ถึง 20 ส่วนในพัน ทนต่อค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ได้ดีในช่วง 6.5-8.3 และสามารถทนต่ออุณหภูมิได้ถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส พบว่าปลานิลปรับตัวและเจริญเติบโตได้ไม่ดีนัก ทั้งนี้เป็นเพราะถิ่นกำเนิดเดิมของปลาชนิดนี้อยู่ในเขตร้อน
-----------------------------------------------
ปลาดุก  ( Walking  catfish )


ปลาดุก (อังกฤษwalking catfish) ใช้เรียกปลากลุ่มหนึ่งในสกุล Clarias ในวงศ์ Clariidae มีการแพร่กระจายพันธุ์ในน้ำจืดและน้ำกร่อยตามแหล่งน้ำของทวีปเอเชียและแอฟริกา เป็นปลาไม่มีเกล็ด ลำตัวยาว มีหัวที่แบนและแข็ง มีหนวดยาวแปดเส้น มีครีบหลังและครีบก้นยาวเกินครึ่งของความยาวลำตัว จุดเริ่มต้นของครีบหลังอยู่ล้ำหน้าจุดเริ่มต้นของครีบท้อง ครีบหลังไม่มีเงี่ยงแข็ง ไม่มีครีบไขมัน ครีบหางมนกลม ครีบทั้งหมดเป็นอิสระจากกัน[1] สามารถหายใจและครีบคลานบนบกได้เมื่อถึงฤดูแล้ง เป็นปลาวางไข่ เป็นปลากินเนื้อโดยเฉพาะเมื่อตัวโตเต็มที่ชอบกินปลาอื่นที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหาร รวมถึงกินซากพืชและซากสัตว์อีกด้วย

-----------------------------------------------
ปลาดุกอุย 

ปลาดุกอุย หรือ ปลาอั้วะชื้อ ในภาษาแต้จิ๋ว (อังกฤษ: Broadhead catfish, Günther's walking catfish, ชื่อวิทยาศาสตร์Clarias macrocephalus) เป็นปลาน้ำจืดในวงศ์ Clariidae มีกระดูกท้ายทอยยื่นแหลมออกไปลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม ลำตัวสั้นป้อมกว่าปลาดุกด้าน (C. batrachus) ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน ลำตัวมีสีดำปนเหลือง มีจุดขาวเล็ก ๆ เรียงเป็นแถวขวางลำตัวหลายแถว มีครีบหลังสูงกว่าปลาทั่วไปมาก สามารถเคลื่อนที่บนบกได้เป็นระยะทางสั้น ๆ โดยใช้ครีบช่วย พบได้ในพื้นที่แถบประเทศไทยไปจนถึงเวียดนาม และมีการนำไปเลี้ยงในประเทศจีนมาเลเซียเกาะกวม และฟิลิปปินส์
บางครั้งมีความเข้าใจผิดกันว่าปลาดุกอุยคือปลาดุกด้านตัวเมีย แต่ที่จริงเป็นปลาคนละชนิดกัน ปลาดุกอุยเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวไทยและชาวลาวมากกว่าปลาดุกด้าน เนื่องจากเนื้อมีรสชาติมัน อร่อย มีราคาที่สูงกว่าปลาดุกด้าน จึงได้มีการเพาะเลี้ยงและผสมเทียมในบ่อ แต่ปัจจุบันได้นำมาผสมกับปลาดุกเทศ (C. gariepinus) เป็นปลาลูกผสม เรียกว่า "บิ๊กอุย" ทำให้โตเร็วและเลี้ยงง่ายกว่าปลาดุกอุยแท้ ๆ ซึ่งได้มีการเพาะเลี้ยงอย่างแพร่หลาย[1]
ในภาษาใต้ เรียกปลาดุกอุยว่า "ดุกเนื้ออ่อน"

-----------------------------------------------
ปลาหมอ ( Anabas testudineus )

ปลาหมอ ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anabas testudineus ในวงศ์ปลาหมอ (Anabantidae) มีรูปร่างป้อม ลำตัวแบนข้าง ตาโต ปากกว้าง ขอบฝาปิดเหงือกหยักแข็ง เกล็ดใหญ่คลุมทั้งลำตัว มีขอบเกล็ดแบบหยัก ผิวสาก เส้นข้างลำตัวขาดตอน ครีบหลังยาวเกือบเท่าความยาวลำตัว มีก้านครีบแข็งแหลมคมจำนวนมากเช่นเดียวกับครีบก้น แต่ครีบก้นสั้นกว่า ครีบอกเล็กเป็นรูปไข่ ครีบหางปลายมน ตัวมีสีเขียวมะกอกและมีลายประสีคล้ำที่ข้างลำตัว ครีบใส ลำตัวด้านท้องมีสีเหลือง ขอบฝาปิดเหงือกตอนบนมีแต้มสีคล้ำ มีอวัยวะช่วยหายใจเป็นแผ่นริ้วย่น ๆ อยู่ตอนบนของของช่องเหงือก จึงสามารถฮุบอากาศจากบนผิวน้ำได้โดยตรงโดยไม่ต้องรอให้ออกซิเจนละลายในน้ำ และสามารถอยู่บนบกหรือพื้นที่ขาดน้ำได้เป็นระยะเวลานาน ๆ ซึ่งในฤดูฝนบางครั้งจะพบปลาหมอแถกเหงือกไถลคืบคลานไปบนบกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ได้ ด้วยความสามารถอันนี้ในภาษาอังกฤษจึงเรียกปลาชนิดนี้ว่า "Climbing perch" หรือ "Climbing gourami"
ความยาวยาวประมาณ 10-13 เซนติเมตร ใหญ่สุดพบถึง 20 เซนติเมตร มีพฤติกรรมการวางไข่โดยตัวผู้และตัวเมียช่วยกันปรับที่วางไข่ โดยวางไข่ลอยเป็นแพ แต่จะปล่อยให้ลูกปลาเติบโตขึ้นมาเอง
ปลาหมอเป็นปลาที่สามารถพบได้ในทุกแหล่งน้ำ กระจายอยู่ทั่วไปในทวีปเอเชีย สำหรับในประเทศไทยพบทุกภาค และเป็นปลาที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยใช้เป็นอาหารมาช้านาน และมีความเชื่อว่าหากปล่อยปลาหมอจะทำให้ไม่เป็นโรคหรือหายจะโรคได้ ด้วยชื่อที่มีความหมายถึงหมอหรือแพทย์ผู้รักษาโรค และนิยมเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจในปัจจุบัน อีกทั้งในปลาที่มีสีกลายไปจากสีปกติ เช่น สีทองยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ที่มีราคาขายแพงอีกด้วย
-----------------------------------------------
ปลาหมอบัตเตอร์  ( Tilapia buttikoferi  )

ปลาหมอบัตเตอร์ ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tilapia buttikoferi ในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) มีรูปร่างคล้ายปลานิล (Oreochromis niloticus) ทั้งนี้เนื่องจากปลานิลเดิมก็เคยอยู่ในสกุล Tilapia นี้มาก่อน
จัดเป็นปลาในวงศ์ปลาหมอสีชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ มีสีสันลวดลายสวยงาม ลำตัวเป็นเส้นขีดสีคล้ำพาดขวางตลอดทั้งตัว สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามอารมณ์และสภาวะแวดล้อม
มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 40 เซนติเมตร มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาแถบตะวันตก และพบมากที่สุดที่ประเทศไลบีเรีย มีอุปนิสัยค่อนข้างดุร้าย ก้าวร้าว
สำหรับในประเทศไทย ปลาหมอบัตเตอร์นับว่าเป็นปลาหมอสีที่มีราคาถูก จึงมีผู้เลี้ยงแล้วนำไปปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติมากมาย จนกลายเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นชนิดหนึ่งไปแล้ว เช่นเดียวกับปลานิล

-----------------------------------------------